วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2559

เอนเตอร์เทนแฟน-ซิโก้ยันไม่จอดรถบัสนัดดวลญี่ปุ่น


เฮดโค้ชของทีมชาติไทย ยืนยันว่าทีมจะไม่มีการตั้งรับแน่นหน้าประตูอย่างเดียวในการเจอกับทัพซามูไร แน่นอน และจะพยายามเก็บแต้มให้ได้ในเกมนี้
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ยืนยันว่าทีมจะไม่ใช้แท็คติกจอดรถบัสรับมือทีมชาติญี่ปุ่นแน่นอน เพราะทีมจะได้เล่นต่อหน้าแฟนบอล และจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเก็บสามคะแนนในเกมนี้
ทัพช้างศึกเดินทางมาฝึกซ้อมที่สนามศุภชลาศัยเป็นวันแรก หลังเดินทางกลับมาจากประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อวานนี้
"เมื่อวานนี้ (3 กันยายน พ.ศ. 2559) เราก็ได้มีการฟื้นฟูร่างกายกันไปแล้ว วันนี้ก็จะเน้นเรื่องความเข้าใจในการขึ้นเกมรุก-เกมรับ เป็นพิเศษ อาจจะต้องเน้นรายละเอียดหลายคนที่ยังทำได้ไม่ดีในเกมที่พบกับ ซาอุดิอาระเบีย" ซิโก้ กล่าวเริ่ม
"เราต้องมาดูข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไข การที่ต้องมาเจอกับญี่ปุ่น พวกเขาเป็นบอลระบบ เขามีแท็คติกที่ดี นักเตะก็มีประสบการณ์ที่เหนือกว่า การที่เราได้เล่นในบ้าน เราแทบไม่ได้หมายความว่าได้เปรียบ เราต้องเล่นกันให้ละเอียดและรัดกุม แต่การเล่นในบ้านเราต้องการสามคะแนน มันไม่มีทางเลือกเพราะเราต้องเล่นต่อหน้าแฟนบอลด้วย ทุกคนต้องพร้อม"
"อากาศบ้านเราร้อนแต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ คิดว่า 1-2 วันน่าจะปรับตัวได้ ที่ผ่านมาทุกคนได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว เดี๋ยวดูร่างกายอีกครั้ง เราก็ได้ซักซ้อมแท็คติกวิธีการ เพราะว่าเราก็ต้องรู้ข้อมูลของญี่ปุ่นด้วย เพราะทั้งหมดที่มาก็ถือว่าไม่ธรรมดา เกมรุกของญี่ปุ่นก็น่ากลัว เพราะเขามีความหลากหลาย หากเราป้องกันไม่ดี ทั้งลูกตั้งเตะ หรือการต่อบอล"
"นักเตะญี่ปุ่นเรารู้จักแทบทุกคน เพราะพวกเขาต่างไปค้าแข้งที่ต่างประเทศ ตัวที่เล่นโอลิมปิกก็มาผสมผสานกับนักเตะที่มีประสบการณ์ ฉะนั้น 11 ตัวแรก หรือตัวสำรอง ก็แข็งแกร่งทั้งนั้น เราต้องพยายามเก็บแต้มให้ได้ เราจะพยายามเล่นให้รัดกุม และก็เน้นเป็นพิเศษไม่ว่าจะด้านข้างหรือตรงกลาง"
"ทั้งไทยและญี่ปุ่นต่างมีความกดดัน เพราะเกมแรกก็แพ้มาทั้งคู่ เราเพิ่งเข้ามาถึงรอบนี้มันไม่มีอะไรจะเสีย ฉะนั้นเราเล่นแบบไม่มีความกดดัน ส่วนญี่ปุ่นน่าจะกดดันมากกว่าเรา พวกเขามีความคาดหวังที่สูง ของเราก็มีความคาดหวังแต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด"
"เกมนัดนี้เราได้เล่นในบ้าน เราจะไม่เน้นเกมรับแน่นอน เพราะเราต้องสร้างโอกาสยิงให้แฟนบอลเห็น ถ้าเราไม่เอาแต้มในบ้าน เราจะเอาที่ไหน เรามีผลงานที่ดีกับซาอุฯ แต่ผลไม่เป็นที่พอใจ เรายังต้องการแต้มอยู่เหมือนเดิม"
ทีมชาติไทย จะทำศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 กลุ่มบี นัดที่สอง พบกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 6 กันยายน เวลา 19.15 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง 7

วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2559

พูดมาได้!”นาวาฟ”เผย ชนะไทยได้เพราะไทยอ่อนหัด


แค่นี้… ยังอ่อนหัดอยู่นะ!! นาวาฟ อัล-อะบิด กองกลางตัวเก่งทีมชาติซาอุดิอาระเบีย เผย “ทัพเหยี่ยวมรกต” ชนะ “ทัพช้างศึก” ได้เพราะเป็นทีมที่แกร่งกว่า ยอมรับ ทีมรู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการล่าตั๋วไปบอลโลกที่รัสเซีย หลังประเดิมสวยเชือดทัพช้างศึก ชี้ ทีมไทยยังอ่อนหัดอยู่พอสมควร

นาวาฟ อัล-อะบิด กองกลางตัวเก่งทีมชาติซาอุดิอาระเบีย เปิดเผยว่า การประเดิมศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ด้วยการเปิดสนาม “คิง ฟาฮัด สเตเดี้ยม” เฉือนหืดชนะ ทีมชาติไทย 1-0 เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้พวกเขามั่นใจมากขึ้นในการล่าตั๋วผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ที่ประเทศรัสเซีย เท่านั้นไม่พอ มิดฟิลด์ทีมชาติซาอุ ยังกล่าวเพิ่มอีกว่า “ทัพช้างศึก” ยังคงเป็นแค่ทีมระดับเล็กของเอเชีย แถมยังอ่อนกว่าที่ตนคิดไว้เยอะอยู่พอสมควร
นาวาฟ อัล-อะบิด วัย 26 ปี เป็นผู้สังหารจุดโทษให้ทัพ “เหยี่ยวมรกต” เปิดบ้านเก็บ 3 แต้มเหนือ “ทัพช้างศึก” ทีมชาติไทย ไปได้ โดยเจ้าตัวได้รับการยกย่อง จาก “สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย” หรือ “เอเอฟซี” ให้เป็น “แมนออฟเดอะแมตซ์” (เอ็มวีพี) ในเกมนี้อีกด้วย
“เราได้จุดโทษ เพราะเราสมควรได้”
“ผู้ตัดสินให้จุดโทษกับเรา มันคือสิ่งที่ถูกต้อง ผมยอมรับว่าเรามีแทบจะไม่มีโอกาสเข้าทำประตูที่ชัดเจน แต่เรามีแท็คติกที่ดีกว่าทีมไทยเยอะพอสมควร ชัยชนะของเราในเกมแรก มันเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้ว”
“ชัยชนะในเกมนี้มันสำคัญมากครับ ซึ่งเราทุกคนทำได้สำเร็จด้วยการเก็บชัยชนะเหนือทีมชาติไทยในเกมแรก และแน่นอนว่ามันช่วยทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น ที่จะต่อสู้และฝ่าฟัน ซึ่งผมมั่นใจว่าเรามีศักยภาพมากพอผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซีย” กองกลางตัวเก่งทีมชาติซาอุดิอาระเบีย กล่าวหลังจบเกม
สำหรับโปรแกรมต่อไปของ ทัพ “เหยี่ยวมรกต” ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย จะมีคิวออกไปเยือน ทีมชาติอิรัก ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 วันที่ 6 กันยายนนี้

“ฟีฟ่า” ปฏิเสธไม่รับฟ้องกรรมการตัดสินผิดพลาดและไม่ให้อุทธรณ์


หลังจากที่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ทำหนังถือ ยื่นต่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า)เพื่อทักท้วงการทำหน้าที่ของ ฟู หมิง ผู้ตัดสินชาวจีน ในเกมที่ทีมชาติไทยพ่ายแพ้ต่อซาอุดิอาระเบีย 1-0 ศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ทางฟีฟ่าได้ออกมายืนยันและปฏิเสธหนังสือที่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ยื่นประท้วงซึ่งระบุว่าในระเบียนการแข่งขันฟีฟ่า เวิลด์คัพ 2018 รัสเซีย ไม่อนุญาติให้มีการประท้วงคำตัดสินใดๆ ของผู้ตัดสิน ไม่ว่าข้อเท็จจะเป็นอย่างไรก็ตาม โดยให้ถือว่าเพราะการตัดสินถือเป็นที่สุดแล้ว
ระเบียบของฟีฟ่าเกี่ยวกับเวิลด์คัพ รัสเซีย 2018 ข้อ 15.6 จะไม่มีการประท้วงคำตัดสินใดๆ ของผู้ตัดสิน ไม่ว่าข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันจะเป็นอย่างไรก็ตาม การตัดสินทั้งหมดถึงเป็นข้อสิ้นสุดและไม่มีการอุทธรณ์ และไม่สามารถทักท้วงการตัดสินของผู้ตัดสินในระหว่างการแข่งขัน แม้ว่าจะมีหลักฐานชัดเจน เพราะการตัดสินถือเป็นที่สุดแล้ว

วันศุกร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2559

ต้องพักเต็มที่ซิโก้เผยเหตุช้างศึกถึงไทยช้ากว่าญี่ปุ่น


กุนซือช้างศึกเผยเหตุถึงไทยช้ากว่าญี่ปุ่น ก่อนเผชิญหน้ากันในเกมคัดบอลโลก นัดที่ 2
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เผยว่าต้องการให้ผู้เล่นได้พักอย่างเต็มที่ 48 ชั่วโมง จึงเดินทางถึงประเทศไทย ช้ากว่า ทีมชาติญี่ปุ่น ก่อนพบกัน ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 และปัญหาดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล
ทัพซามูไรเดินทางถึงประเทศไทยเมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 2 กันยายน ที่ผ่านมา ขณะที่ช้างศึกจะเดินทางถึงวันที่ 3 กันยายน เวลาประมาณ 13.00 น. ก่อนพบกันในวันที่ 6 กันยายนนี้
"สาเหตุที่เราเดินทางถึงประเทศไทยช้ากว่า เนื่องจากว่า เราแข่งจบทีหลังทีมชาติญี่ปุ่น และหากเราเรารีบเตะ และ รีบกลับ เด็กก็จะนอนไม่พอและจะมีความเหนื่อยล้าสะสม และที่สำคัญเส้นทางบินจากญี่ปุ่นเขาสามารถเดินทางจากประเทศเขาโดยตรงถึงประเทศไทยได้เลย ส่วนเราต้องมาต่อเครื่องที่ประเทศกาตาร์ก่อนจึงจะเดินทางต่อไปยังประเทศไทยได้" ซิโก้ กล่าวเริ่ม
"ซึ่งทางสมาคมฯเองก็ได้หาทางออกที่ดีที่สุด เพราะเราเองก็อยากให้นักเตะได้พักเต็มที่ ซึ่งเวลา 48 ชั่วโมงน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ซึ่งระหว่างเดินทางเราก็จะได้พักผ่อนไปในตัวด้วย"
"ญี่ปุ่นเขามีเวลาปรับตัวที่ไทยไม่กี่วัน สภาพอากาศที่ประเทศเขากับประเทศไทยก็แตกต่างกัน เพราะอย่างที่เห็นเกมที่ญี่ปุ่นแพ้ยูเออี 1-2 สภาพอากาศพวกเขายังมีฝนตกอยู่เลย ส่วนเราอยู่ที่ซาอุฯ 47 องศา พอกลับไปเจอ 38-39 เราก็ไม่น่าจะมีปัญหา"
"เราคิดว่ายุทธวิธีในการเล่น สิ่งแวดล้อมเป็นแค่ปัจจัยภายนอก เรามีข้อมูลเขา เรามีสเกาท์ มีวีดีโอเกมการแข่งขัน ข้อมูลญี่ปุ่น ว่าใครจะเป็น 11 ตัวจริงจะเปลี่ยนตัวอย่างไร ซึ่งเรารู้ระบบวิธีการ หากเด็กทุกคนเข้าใจก็จะสามารถต่อกรได้เหมือนกัน"
"โปรแกรมหลังจากนี้ พอเดินทางถึงประเทศไทย เราก็จะให้นักเตะลงสระเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และวางแผนซ้อม 2 ครั้งเพื่อทบทวนวิธีการเล่น" ซิโก้กล่าวปิดท้าย

แพ้แล้วอย่าพาล!”ฟาน มาร์ไวค์”จวกแฟนบอลไทย เอาสมองไหนคิด ด่าเชิ๊ตดำชาวจีน


เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือชาวดัตช์ ของทัพ “กรีน ฟัลคอนส์” ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย จวกยับ หลังแฟนบอลไทยไม่พอใจที่ผู้ตัดสินชาวจีน กรณีเป่าจุดโทษให้ซาอุ ในเกมที่ ทีมชาติไทย บุกพ่าย “เหยี่ยวมรกต” ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย 1-0 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา พร้อม ปฏิเสธที่จะตอบเรื่องจังหวะจุดโทษเนื่องจากเขาอยู่ไกลจากเหตุการณ์ ลั่น ไม่สนเรื่องรูปเกมเพราะทีมของตนเป็นฝ่ายชนะ ชี้ ทีมไทยแพ้แล้วควรยอมรับการตัดสินซะดีๆ

เบิร์ต ฟาน มาร์ไวก์ กุนซือชาวดัตช์ ของทัพ “เหยี่ยวมรกต” ทีมชาติซาอุดิอาระเบีย ออกมาแสดงความไม่พอใจให้กับแฟนบอลไทยชาวไทย หลังแฟนบอลไทยไม่พอใจที่ “ฟู หมิง” ผู้ตัดสินชาวจีน เป่าจุดโทษให้ซาอุฯ พร้อมกับ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องจุดโทษที่เป็นที่กังขาถึงสองครั้ง เจ้าตัวยืนกรานอยู่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุทำให้มองเห็นได้ไม่ชัด นอกจากนี้ “ฟาน มาร์ไวก์” ยังกล่าวอีกว่า ตนไม่สนเรื่องรูปเกมใดๆทั้งนั้นเพราะทีมของตนเป็นฝ่ายชนะซึ่งทีมไทยแพ้แล้วก็ควรยอมรับการตัดสินซะดีๆ
จากเกมดังกล่าว “ทัพช้างศึก” น่าจะได้จุดโทษก่อนในนาที 22 จากจังหวะที่ “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา โดน ยาสซิร อัล มุไซลีม นายทวารซาอุฯ รวบล้มลงในกรอบเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินให้แค่ใบเหลืองและให้เป็นลูกตั้งเตะนอกเขตโทษเท่านั้น ส่วนอีกจังหวะที่เกิดขึ้นในนาที 81 จากจังหวะที่ “เจ้าตังค์” สารัช อยู่เย็น ไปทำฟาวล์ ฟาฮัด อัล มูวาลาด โดยผู้ตัดสินชาวจีนไม่รอช้ารีบเป่านกหวีดเสียงดังสนั่น เป็นจุดโทษให้กับทีมชาติซาอุฯ ทันที และเป็น นาวาฟ อัล-อะบิด ที่ยิงเข้าไปตุงตาข่าย โดยที่ “เจ้าตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ พุ่งตัวป้องกันไปคนละทาง ส่งผลให้ทัพ “เหยี่ยวมรกต” เก็บสามคะแนนแรกได้สำเร็จ ในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 3 นัดแรกของกลุ่มบี
“ผมยอมรับนะว่าทีมชาติไทยก็ไม่ใช่ทีมที่เราจะชนะได้ง่ายๆ พวกเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและปิดเกมบุกของเราได้ทั้งหมดโดยเฉพาะในครึ่งแรก แต่ครึ่งหลังเราก็มาได้ประตูจากจุดโทษ”
“ถามว่าเป็นจุดโทษไหม? ผมอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุพอสมควร ผมขอไม่ตอบเรื่องนี้”
“แม้เราจะแทบจะไม่มีโอกาสทำประตู แต่สุดท้ายเราก็เป็นฝ่ายชนะ บางทีฟุตบอลก็เป็นแบบนี้”
“สุดท้าย คุณเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ คุณก็ควรหัดยอมรับการตัดสินซะบ้างนะ ไม่ใช่แพ้แล้วพาลไปทั่ว” อดีตกุนซือคนเก่งทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ชุดรองแชมป์โลก ปี 2010 กล่าวทิ้งท้าย

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2559

“สรรเสริญ”โชว์เก๋า!ผิดนัดโค้ชจุ่นส่อโดนไล่ออกจากทีม


เหลวไหลจริงๆ!! “โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยยู-19 เรียกทัพ “ช้างศึก U- 19″ มารายงานตัว โดยขู่ว่า จะเน้นเรื่องระเบียบวินัย ใครมาสาย จะให้ออกจากทีมทันที ซึ่งในการนัดมารายงานตัวในวันนี้ สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ ไม่ได้มา “โค้ชจุ่น” เตรียมเรียกคุยแล้ว

“โค้ชจุ่น” อนุรักษ์ ศรีเกิด กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยชุดยู-19 ซึ่งเพิ่งเข้ามารับหน้าที่แทน “โค้ชหนุ่ย” เฉลิมวุฒิ สง่าพล กล่าวว่า “ในทีมชาติชุด 19 ปี เราจะเน้นเรื่องระเบียบวินัยเป็นหลัก ทั้งในและนอกสนาม ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการปรับทัศนคติกันใหม่ ส่วนในรายของ “เจ้าโก้” สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ ดาวเตะจาก แบงค็อก ยูไนเต็ด นั้นจะต้องมีการพูดคุยกันโดยด่วนในภายหลัง และถ้าหากไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากเจ้าตัว ตนก็แจ้งให้ทาง “เจ้าโก้” ออกจากทีมชาติชุดนี้ได้เลยโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น”
สำหรับ “ทัพช้างศึกยู-19″ ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จะเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลรายการ “AFF U-19 Championship 2016″ เพื่อป้องกันแชมป์อาเซี่ยนไว้ให้ได้ โดยการแข่งขันจะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 9- 25 กันยายน 2559 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดย ทัพช้างศึกยู-19 จะมีโปรแกรมนัดเปิดสนามศึก เอเอฟเอฟ U-19 แชมเปี้ยนส์ชิพ 2016 ด้วยการพบกับทีมชาติลาวในวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สื่อญี่ปุ่นจับตา 'ชนาธิป' : 'เป็นนักเตะที่ห้ามคลาดสายตาเป็นอันขาด เว็บบล็อกข่าวแดนอาทิตย์อุทัยมองว่าเพลย์เมคเกอร์ร่างเล็กคือคีย์แมนของทัพช้างศึกชุดนี้


เว็บบล็อกข่าวแดนอาทิตย์อุทัยมองว่าเพลย์เมคเกอร์ร่างเล็กคือคีย์แมนของทัพช้างศึกชุดนี้
Topic Labo เว็บไซต์ของญี่ปุ่นชี้ว่า ชนาธิป สรงกระสินธ์ คือนักเตะคนสำคัญที่ขุนพลซามูไรบลูส์จะต้องจับตาให้ดี
โดยทีมชาติญี่ปุ่นจะมีคิวฟาดแข้งกับลูกทีมของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ในนัดที่ 2 ของศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้ายในวันอังคารที่ 6 กันยายนนี้เวลา 19.15 น. ตามเวลาประเทศไทย
ซึ่งเว็บไซต์ได้อธิบายถึงความสามารถของ "เมสซี่เจ" ว่า เป็นนักเตะที่ "เลี้ยงบอลได้เชื่องเท้ามาก เล่นเกมรุกได้ดุดัน ห้ามคลาดสายตาเป็นอันขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขาดกองหลังอย่างนางาโตโมะและมาคิโนะไปในเกมนี้"
ขณะเดียวกันชนาธิปก็ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ของเอเอฟซีว่า "ญี่ปุ่นเป็นทีมที่ได้แต่บางครั้งก็สามารถแพ้ได้เช่นกัน ออสเตรเลียเองก็แพ้ได้ นี่แหละคือฟุตบอล"
"ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องยาก (ที่จะผ่านเข้ารอบ) แต่นี่คือเกมฟุตบอลและไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้"
"เราจะมองเป็นนัดๆไป ทุกเกมมีความหมาย"
"โค้ช (เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง) กล่าวไว้ว่าในบ้านของเรา เราต้องชนะ แต่ถ้าออกไปเล่นนอกบ้าน แม้จะเก็บได้แต้มเดียวก็ถือว่าโอเค ไม่แพ้ไว้ก่อน แต่ในบ้านเราต้องเก็บ 3 แต้มให้ได้ ถึงมันจะากแต่เราสามารถทำได้"
โดยครั้งสุดท้ายที่ทีมชาติไทยได้ผ่านเข้าถึงรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายคือปี 2001 ในตอนนั้น "ซิโก้" คือแข้งดาวเด่นประจำทีม ซึ่งผลที่ออกมาจบลงด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่ม 
แต่ชนาธิปก็หวังว่าคราวนี้ผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างจากเดิม
"มันคงจะเป็นจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้" กองกลางวัย 22 ปีกล่าว
"ผมเองก็ไม่รู้อนาคตหรอกแต่ผมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อทำให้ฝันเป็นจริง"

คลังบทความของบล็อก